5 วิธีการดูแลผู้สูงอายุ ให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงทั้งกายใจ

5 วิธีการดูแลผู้สูงอายุ ให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงทั้งกายใจ

นอกจากเด็กเล็กแล้ว ผู้สูงวัยก็เป็นอีกกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะวัยนี้ร่างกายจะเสื่อมถอยตามธรรมชาติ เจ็บป่วยได้ง่าย เคลื่อนไหวไม่คล่องตัว ทั้งยังเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าอีกด้วย เพราะฉะนั้นบุคคลใกล้ชิดจึงต้องดูแลอย่างใส่ใจเพื่อให้ผู้สูงวัยเหล่านี้มีความสุขตามอัตภาพอัตภาพในยามบั้นปลายชีวิต สำหรับวันนี้เรามีวิธีการดูแลผู้สูงอายุด้วยแนวทางง่ายๆโดยใช้หลักการ 5 อ. มาฝากกัน

1. ดูแลผู้สูงอายุ ด้วยอาหาร

ผู้สูงอายุหลายรายมีปัญหาเรื่องการทานอาหารเพราะฟันไม่แข็งแรงตามเดิม บางรายสูญเสียฟันไปหลายซี่และยังมีปัญหาฟันผุและเหงือกอักเสบ ต่อมรับรสไม่ค่อยดี จึงรู้สึกเบื่ออาหารได้ง่าย ผู้ดูแลจึงจำเป็นต้องจัดการเรื่องโภชนาการของผู้สูงวัยอย่างเหมาะสม โดยแนะนำให้ปรุงอาหารให้มีลักษณะอ่อนนิ่มหรือมีชิ้นเล็กเพื่อให้เคี้ยวง่าย มีสารอาหารครบถ้วน 5 หมู่ ลดอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและไขมันลง เลือกทานโปรตีนคุณภาพดีอย่างเนื้อปลา ไข่ขาว ธัญพืช ทั้งนี้ไม่ควรทานไข่แดงเกินสัปดาห์ละ 3 ฟอง ทานผักผลไม้ให้มากขึ้น แต่ผลไม้ไม่ควรหวานจัดเกินไป นอกจากอาหารแล้วก็ต้องดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้วด้วย  แต่สำหรับผู้สูงอายุรายใดที่ไม่สามารถทานอาหารมื้อปกติได้ในปริมาณมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในกรณีต้องทานอาหารเสริมสูตรครบถ้วน

2. ออกกำลังกาย

ผู้สูงอายุก็ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อต้อให้ทำงานดีขึ้น ช่วยในการทรงตัว ลดโอกาสหกล้อม ทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกัน ทำให้เจ็บป่วยน้อยลง แต่ว่าจะต้องหารูปแบบการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย เช่น เดินเร็ว รำไทเก็ก โยคะ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เป็นต้น หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หักโหมหรือรุนแรงเกินกำลังของตัวเอง สภาพแวดล้อมในการออกกำลังกายต้องเหมาะสม พื้นไม่ลื่นและไม่ลาดเอียง อากาศไม่ถ่ายเทสะดวกและไม่ร้อนจนเกินไป

3. อนามัย

ในส่วนของอนามัยจะต้องดูแลร่วมกันหลายอย่างตั้งแต่ความสะอาดของร่างกายและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ จัดบ้านให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ มีพื้นกันลื่นในห้องน้ำ มีราวจับ มีแสงสว่างเพียงพอ พื้นบ้านต้องสะอาดและไม่มีสิ่งของวางเกะกะทางเดิน ส่วนความสะอาดของร่างกายนอกจากอาบน้ำทั่วไปแล้วอย่าลืมดูเรื่องปัญหากลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่ด้วย ต้องดูแลให้ดี ไม่อย่างนั้นอาจหมักหมมจนเกิดปัญหาสุขภาพอื่นตามมาได้

4. อดิเรก

ส่วนใหญ่แล้วคนวัยนี้จะเกษียณอายุงานมาอยู่ที่บ้านหรือไม่ก็มีปัญหาสุขภาพจนไม่สามารถทำงานได้เหมือนเดิมอีกต่อไป สิ่งที่จะตามมาคือความเศร้าซึมและการลดคุณค่าของตัวเอง เพราะฉะนั้นผู้ดูแลอย่าลืมหางานอดิเรกสนุกๆให้ผู้สูงอายุทำอยู่เสมอ ทั้งทำคนเดียวได้และทำร่วมกับผู้อื่นได้ เช่น ปลูกต้นไม้ เข้าวัดฟังธรรม ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกเหงาน้อยลง

หลังจากอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยเริ่มมีภาวะสมองเสื่อมและจะเสื่อมมากขึ้นเรื่อยๆตามวัย การรักษาและป้องกันโรคนี้ทำได้ยากเรื่องจากเป็นการถดถอยของร่างกายตามธรรมชาติ แต่สามารถช่วยฟื้นฟูหรือชะลออาการได้ ลองหากิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูสมอง เช่น หมากรุก คิดเลขเร็ว จับผิดภาพ จิ๊กซอว์ฯลฯ โดยเป็นกิจกรรมที่เน้นเห็นผลลัพธ์ได้ทันที พาออกไปเที่ยวยังสถานที่ใหม่ๆบ้าง ก็จะช่วยฟื้นฟูสมองและชะลอความรุนแรงของอาการได้

5. อารมณ์

ภาวะซึมเศร้ามีโอกาสเกิดขึ้นในวัยนี้ได้ค่อนข้างมากเนื่องจากปัจจัยหลายประการ ดังนั้นผู้สูงวัยจำเป็นต้องรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง รู้จัก เข้าใจและยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางและไม่ยึดติดสิ่งที่มีอยู่ ร่าเริง แจ่มใส เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข

แต่ในการจัดการอารมณ์ของผู้สูงวัย ลูกหลานจะมีผลมากพอสมควร เพราะวัยนี้ก็ต้องการความรักและการเอาใส่ใจไม่แพ้วัยอื่น บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ลูกหลานควรใส่ใจให้มากขึ้น พยายามเข้าหาและรับฟัง เพราะตามธรรมชาติของผู้สูงวัยมักจะชอบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งบางทีพูดบ่อยก็ก่อให้เกิดความเบื่อหน่ายแก่ผู้ฟังได้ บางทีก็รู้สึกน้อยใจหรือเอาแต่ใจมากขึ้น โดยมากแล้วสิ่งเหล่านี้มักเกิดขึ้นเพราะผู้สูงอายุต้องการความเอาใจใส่จากลูกหลานนั่นเอง เพราะฉะนั้นอยากให้ผู้ดูแลใจเย็น ทำความเข้าใจความเปลี่ยนของคนวัยนี้ พูดจาสุภาพและไม่ตะคอก หากรู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือโมโหควรปลีกตัวไปพักหรือสลับให้ผู้อื่นมาดูแลบ้าง การจะดูแลคนวัยนี้ให้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี นอกจากผู้ดูแลจะต้องใส่ใจผู้สูงวัยแล้วยังต้องใส่ใจตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน

5 วิธีการดูแลผู้สูงอายุ ที่ต้องทำ

สำหรับวิธีการดูแลผู้สูงอายุอย่างถูกต้องนั้น สุขภาพร่างกายไม่ใช่สิ่งเดียวที่ควรใส่ใจ เพราะการดูแลสุขภาพจิตเองก็เป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อผู้สูงอายุรู้สึกเครียด โดดเดี่ยวหรือซึมเศร้ามากเกินไปก็อาจทำให้เจ็บป่วยด้วยโรคทางใจได้ ผลคือร่างกายก้จะได้รับผลกระทบจนป่วยได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นคนใกล้ชิดจึงต้องคอยดูอย่างใส่ใจและควรสังเกตสัญญาณการเปลี่ยนแปลงต่างๆทั้งทางกายและทางใจด้วย เพราะหากเกิดความผิดปกติใดๆก็จะได้แก้ไขหรือรับมือได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง