รู้จักและทำความเข้าใจ 5 ปัญหาของผู้สูงอายุที่พบบ่อย เพื่อการรับมืออย่างถูกต้องและยั่งยืน
แม้ปัจจุบันนี้ผู้คนจะอายุยืนยาวมากขึ้นเพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ แต่ว่าความถดถอยของร่างกายและโรคภัยไข้เจ็บต่างๆก็ยังคงมีอยู่ตามเดิม ยิ่งอายุมากขึ้นความเสื่อมถอยก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติและนั่นก็เป็นเหตุของปัญหามากมายสำหรับผู้คนในช่วงวัยนี้ ครอบครัวใดที่มีสมาชิกเป็นผู้สูงวัยน่าจะเข้าใจดีว่าคนวัยนี้ต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมายทั้งด้านร่างกายและจิตใจ แต่ปัญหาของผู้สูงอายุใดบ้างที่พบได้บ่อยที่สุด มาดูกัน
สติปัญญาเสื่อมถอย
ประสิทธิภาพการคิดวิเคราะห์และตัดสินใจแย่ลง คิดช้า สับสนหรือหลงๆลืมๆ โดยจะเริ่มพบได้มากขึ้นในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป หากมีปัญหาสุขภาพอื่นๆแทรกเข้ามาเฉียบพลัน เช่น สมองขาดเลือด หัวใจขาดเลือด เส้นเลือดอุดตัน การติดเชื้อฯลฯ ก็อาจทำให้ผู้สูงอายุมีการสับสนมึนงงได้ง่ายมากขึ้น
ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น เนื้องอกสมอง หลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน เป็นต้น แต่ที่พบได้บ่อยที่สุดคือภาวะอัลไซเมอร์ โดยคนรอบตัวสามารถถึงความผิดปกติซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของอัลไซเมอร์ได้ อาทิ เรียนรู้หรือจดจำสิ่งใหม่ๆไม่ได้แต่ยังจำเรื่องเก่าได้ดีอยู่ นึกคำพูดไม่ออก ใช้คำพูดผิดๆถูกๆ จำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ได้ วางของแล้วลืม ทานอาหารแล้วลืมว่าทานอาหารหรือคิดว่าตัวเองยังไม่ได้ทาน หลงทิศทาง/วัน/เวลา/สถานที่ เป็นต้น หากไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดี อาการอาจจะแย่ลงอย่างรวดเร็ว
การทรงตัวและการหกล้ม
เมื่ออายุมากขึ้น ข้อกระดูก กระดูกหรือแม้แต่กล้ามเนื้อก็เสื่อมถอยลง ทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการทรงตัว เช่น การเจ็บป่วย ความดันโลหิต ยารักษาโรคบางชนิดฯลฯ จึงอาจทำให้ผู้สูงวัยทรงตัวได้ลำบากและมีโอกาสหกล้มได้ง่ายมากขึ้น บางรายที่มีภาวะกระดูกพรุนร่วมด้วย หากหกล้มจะมีความเสี่ยงอย่างมากที่กระดูกจะแตกหักจนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เพราะฉะนั้นควรพาผู้สูงอายุออกกำลังกายอย่างเหมาะสมกับวัยเป็นประจำ ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัย เช่น เพิ่มราวจับ พื้นกันลื่นหรือแสงสว่าง และอย่าลืมพาไปตรวจมวลกระดูกเป็นประจำด้วย
ภาวะซึมเศร้า
เป็นอีกหนึ่งภาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยเรื้อรัง ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ ไม่มีญาติหรือไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่จากญาติ ผู้สูงอายุที่มีภาวะซึมเศร้าจะมีอาการเหมือนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทั่วไป เช่น นอนไม่หลับหรือนอนหลับมากเกินไป ไม่มีสมาธิ รู้สึกซึมเศร้าหรือไม่มีคุณค่าในตัวเอง เบื่ออาหาร รู้สึกผิด รู้สึกเป็นภาวะต่อลูกหลาน รู้สึกไม่เป็นที่ต้องการ ขาดความรัก เบื่อหน่าย หมดกำลังใจในการใช้ชีวิต ซึ่งหากอาการแย่ลงมากก็มีโอกาสที่จะทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ประสาทสัมผัสเสื่อมถอย
- การได้ยิน หูตึง ฟังไม่ชัด เสียงที่ได้ยินนอกจากจะเบาลงแล้วอาจจะเปลี่ยนแปลงไป หลอดเลือดในหูอาจแข็งตัวจนทำให้รู้สึกหน้ามืดวิงเวียนได้ง่าย
- การมองเห็น รูม่านตาเล็กลงและตอบสนองต่อแสงสว่างได้ไม่ดีเท่าเดิม สายตาจึงฟ้าฟางและมองเห็นได้ไม่ชัดเหมือนเก่า อาจมีโรคเกี่ยวกับตาเช่น ต้อกระจก กล้ามเนื้อลูกตาเสื่อม สายตายาว ตาแห้งฯลฯ ผู้สูงอายุบางรายมีปัญหาหนังตาตกจนบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็น ขนตาทิ่มขอบตาจนรู้สึกระคายเคืองหรือแสบตา
- การดมกลิ่น เยื่อบุโพรงจมูกเสื่อม การรับกลิ่นแย่ลง
- การรับรส ต่อมรับรสทำงานน้อยลง โดยจะเริ่มที่รสหวานก่อน จากนั้นก็รสเปรี้ยว รสขมและรสเค็ม อาหารที่ทานอร่อยก็อาจจะไม่อร่อยอีกต่อไป ปรุงเท่าไรก็ยังรู้สึกจืดชืดจนดูเหมือนชอบทานอาหารรสจัดมากขึ้น บางรายปรุงแล้วไม่อร่อยก็อาจจะกลายเป็นรู้สึกเบื่ออาหารไปเลย
ความผิดปกติในการรับประทานอาหาร
เมื่อเข้าสู่วัยชราระบบทางเดินอาหารหลายส่วนอาจมีความผิดปกติ เช่น ฟันหัก เหงือกอักเสบ ต่อมรับรสทำงานไม่ดี ท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นต้น จะนำมาซึ่งภาวะเบื่ออาหาร นอกจากนี้หากมีภาวะสมองเสื่อมก็ยังอาจจะมีอาการหลงๆลืมๆจนทานอาหารไม่เป็นเวลาหรือทานน้อยลงทำให้ร่างกายขาดสารอาหารตามมาได้ เมื่อได้รับสารอาหารไม่เพียงพอก็จะเป็นบ่อเกิดโรคภัยไข้เจ็บอีกมากมาย เช่น แขนขาอ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ ขาดวิตามิน กระดูกพรุนและอีกมากมาย เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ดูแลที่ต้องคอยจัดการเรื่องอาหารให้ผู้สูงวัย ควรปรุงอาหารที่ย่อยง่ายและมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เปลี่ยนเมนูอาหารบ่อยๆเพื่อไม่ให้รู้สึกเบื่อ หากผู้สูงวัยมีปัญหาเรื่องเบื่ออาหารก็อย่าลืมพาไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
สรุป ปัญหาของผู้สูงอายุ มีอะไรบ้าง
และนี่ก็เป็น 5 ปัญหาของผู้สูงอายุที่พบกันได้บ่อยๆ แต่ถ้าคนใกล้ชิดทำความเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้ได้ก็จะช่วยให้สามารถดูแลสมาชิกสูงวัยได้บ้านได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามหากบางปัญหามีอาการรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตหรืออาจก่อให้เกิดอันตรายก็แนะนำให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและหาทางรับมือกันอย่างเหมาะสมต่อไป